วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ตี่จู้เอี๊ยะแบบไม้หรือหินอ่อนดี มีคำตอบ!!!!!

#ตี่จู้เอี๊ยะแบบไม้หรือหินอ่อนดีมีคำตอบ!!!!!

#ธรรมเนียมเดิมอย่าละทิ้ง #ของจริงต้องอิงตำราเดิม
ในแวดวงความรู้ทาง โหราศาสตร์จีน หรือ ฮวงจุ้ย ก็ตามแต่ ผมก็มักจะเขียนเล่าอะไรแปลกๆบ้าๆ นอกเหนือจากตำราวิชาที่เค้าเขียนขายกัน เรื่องฮวงจุ้ยนี้ พอดีมีคนเค้าถามมาเรื่องตี่จูเอี้ย ว่า จริงๆแล้ว ตี่จูเอี้ยแบบไม้สีแดงๆ แบบโบราณเลย กับ #แบบสมัยใหม่ที่มีคนหัวใสทำเป็นหินอ่อน นั้น #แบบไหนถูกหลักฮวงจุ้ย  มากกว่ากัน ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดินง่ายๆนะครับ คือ เขาทำแบบไม้มาตั้งร่วมเป็นร้อยปีได้กระมัง ตั้งแต่คนจีนมาอยู่ในไทย และมีการพัฒนาขึ้นมา เพราะฉะนั้น ถ้ามันไม่ถูกหลักแล้วเกิดเรื่อง ผมว่าคงชิบหายตายห่ากันเป็นเบือละครับ  เพราะงั้นเราต้องยึดหลักก่อนว่า ของโบราณนั้น ถูกต้องก่อน เพราะความรู้เราก็เอามาจาก คนโบราณ ถูกไหมหละ เราไม่ได้เอามาจากคนในโลกอนาคตเสียเมื่อไหร่ เพียงแต่ว่า จะถามว่า สร้างสรรค์แบบใหม่นั้นผิดหลัก ฮวงจุ้ย เลยหรือ จะกล่าวแบบนั้นก็ไม่ได้ครับ เพราะเป็นการตัดรอนการคิดสร้างสรรค์ของคนที่จะทำให้วิชาการนั้นๆ มีลมหายใจ มีชีวิตต่อยอดได้ และต้องมาพิจารณากันด้วยเหตุผลอีกครั้งว่า ถูก หรือไม่ถูก แต่ผมอยากให้แง่คิดแบบนี้ว่า
#ธาตุไม้ ตามหลักวิชาเป็นสิ่งเดียวตัวเดียว ที่สื่อความมีชีวิตได้ เจริญได้ งอกได้ โตได้ครับ
#ธาตุดิน ซึ่งเป็นตัวหินอ่อนของตี่จูเอี้ยนั้น สื่อถึงความมั่นคง ถาวร ต้านทานแรงต่างๆได้ดี  เพราะงั้นเวลาจีนสร้างอาคารตึกรามในสมัยก่อน ก็เลย เอาไม้อยู่ตรงกลาง ฐานเป็นหิน ข้างบนหลังคาเป็น ดินเผา เพราะถ้าจะเอาความคงทนแล้ว ธาตุดิน คงทนกว่าแน่นอน แต่ถ้าจะเอาความสวยงาม ก่อเกิดลวดลาย มีพลังงานที่สื่อกับมนุษย์ได้ ก็ต้องเลือกธาตุไม้หละครับ โต๊ะทำงาน เตียงนอน โต๊ะทานข้าว เก้าอี้ เฟอร์นิเจอร์สำคัญในชีวิตกว่า เก้าสิบเปอร์เซนต์ทำด้วยไม้ ด้วยเหตุผลทางด้านความสวยงามที่สามารถสลักเสลาได้อ่อนช้อยกว่า ทางด้านน้ำหนักที่เบากว่าหิน และทางด้านความยืดหยุ่นครับ ที่เรามองเห็นไม้แข็งๆนั้น ความจริงมันมีความยืดหยุ่นในตัวอยู่ ไม่งั้น เค้าไม่เอามาทำเป็นหมอนรถไฟหรอก เพราะว่ามันซับแรงน้ำหนักได้ดี มีความยืดหยุ่นบ้าง เพียงแต่วิทยาการสมัยนี้วิจัยจนเอาปูนมาทดแทนได้บ้าง ก็เท่านั้น แม้แต่ป้ายบรรพชน ก็ทำด้วยไม้ ถูกไหม  เราแยกแยะง่ายๆคือ  อะไรก็ตามที่เจอกับกลางแจ้ง เช่น โต๊ะม้านั่งในสวน ป้ายหลุมศพ เหล่านี้นิยมให้หิน ให้ปูน คือธาตุดินครับ  แต่อะไรที่อยู่ในตัวอาคาร ดังที่กล่าวมาแล้ว นิยมใช้ไม้ บางคนอาจเถียงว่าอาจเป็นแค่ความนิยม ผมกลับมองว่า #ประเทศจีนนี่แกะสลักหินได้ตั้งไม่รู้กี่พันปีมาแล้วนะครับ #แต่เขากลับไม่ทำตี่จูเอี้ยหินแกะสลักไว้ภายในอาคารบ้านเรือน ไม่ทำป้ายวิญญาณด้วยหินลองเอาไปขบคิดกันดูในแง่
ธรรมเนียม  แต่ถ้าเรามองด้านวิชาโหราศาสตร์จีน 
#ไม้ ก่อเกิด พลังธาตุไฟ  ส่วน #ดิน ก่อเกิดพลังธาตุทอง

ธาตุในดวงจีน เอาแบบเห็นจริงวัดพลังกันจะจะไปเลย
คนเราคือ สิ่งมีชีวิต จัดเป็นธาตุไม้ครับ ไม้ย่อมเข้ากันได้ดีกับพวกเดียวกันคือ ไม้ คือรับพลังได้ดีกว่า และการปล่อยพลังไฟคือการแผ่บารมี แผ่รัศมี เหมือนเราจุดเทียนแล้วเกิดแสงสว่างแบบนั้นครับ เรียกว่ามีความเจริญงอกงามไพบูลย์

แต่ในส่วนธาตุดินนั้น ไม้ย่อมมีดินเป็นอาหาร เป็นทรัพย์ ก็บ้านเราก็ตั้งอยู่บนดินครับ อาคาร ถนนหนทาง ก็บนดินทั้งนั้น ทั้งชีวิตคุณก็เจอแต่ธาตุดินๆ อยู่แล้วนี่ จริงไหม จะต้องไปหาดินมาเพิ่มเติมในชีวิตอีกทำไม  ดินให้กำเนิดพลังธาตุทองครับ ทองมีอำนาจข่มธาตุไม้ วิธีข่ม วัดกันง่ายๆแบบเห็นภาพ หาถังมา ห้าใบ
ใบหนึ่งใส่ไฟ(ซึ่งมันมีมวลที่ไหน มันเป็นพลังงาน ไม่มีน้ำหนักมากจนเราสัมผัสได้หรอก พูดง่ายๆคือ แทบเป็นศูนย์นั้นหละ)
ใบที่สองใส่ขี้เลื่อย ตัวแทนธาตุไม้
ใบที่สามใส่น้ำ
ใบที่สี่ใส่ดิน หรือหินกรวดก็ได้
ใบที่ห้าใส่โลหะ
ใส่ให้เต็มทุกถัง แล้วคุณลองไปยก คุณว่าใบไหนหนักสุด นี่ไงวิธีข่มของมันง่ายๆ มันข่มคุณด้วยมวล อยู่แล้ว ถ้าว่ากันในแง่พลัง พลังธาตุทองให้ในแง่ของการเยียวยารักษาและการจัดระบบครับ ดังที่เราเห็นว่า ในเรื่องของหินบำบัดทั้งหลาย ส่วนใหญ่เขาเน้นออกมาทางการรักษาโรค การวางตามจุดต่างๆของร่างกาย หรือการพกติดตัว เพราะฉะนั้น ธาตุดิน จึงเหมือนถ่านไฟฉายที่มันเก็บประจุพลังด้านต่างๆเอาไว้เยอะมาก ซึมซับพลังได้ดี และก็ค่อยๆคายพลังนั้นออกมาเรื่อยๆ เหมือนเราเอาหินไปตากแดดนานๆ แล้วตอกไข่ลงไปนี่ ไข่สุกได้นะครับ แม้เราจะยกหินมาวางใต้ต้นไม้ที่ร่มเอามือไปจับก็ยังร้อนอยู่ ร้อนนานกว่า โลหะ ด้วยซ้ำ แม้กระทั่งเตาหลอมโลหะ หรือเตาเผาเครื่องปั้นดินเผา ก็เอาดินทำ แปลว่า ธาตุดินนี่เป็นตัว อึด ถึก และบึกบึนสุดๆแล้ว ถามว่าเหมาะเอามาทำตี่จูเอี้ยไหม ผมว่าเหมาะในแง่ความทนครับ ถ้าท่านจะเอาตี่จู้แบบทนๆ อยู่ได้ห้าร้อยชั่วโคตร เลือกแบบที่เป็นหิน โลด ทีนี้ของแถมที่ท่านได้คือ #พลังงานจากหิน หินปล่อยทอง #ทองเป็นพลังหยินครับ เราไปจับพวกหิน พวกหยก มันเลยเย็นๆ ไม่เหมือนกับของสังเคราะห์ หรือพลาสติก หรือพวกไม้ ที่พอจับนานๆ จะอุ่น เพราะไม้มันปล่อยพลังไฟ ก็แปลว่า ไม้ให้ความอบอุ่น ส่วนหินน่ะให้ความเย็นเสียมากกว่า คนเราเหมาะสำหรับหยางเยอะกว่าหยินนิดหน่อยนะครับ เพราะเรายังไม่ตายไง ยังมีชีวิต ต้องใช้พลังงาน ธาตุไฟคือหัวใจ ท่านก็คิดเอาแล้วกันว่า เราต้องการพลังไฟเยอะไหม จะย่อยจะเผาผลาญสารอาหาร ตำราจีนก็ว่าต้องอาศัยไฟทั้งนั้นหละ ทั้งนี้ ถ้าจะเอาตามโหราศาสตร์จีนลึกๆ ก็ต้องผนวกด้วยฮวงจุ้ยดูไปว่าธาตุในดวงท่านเสริมอะไรจะดี แล้ววางมุมไหนจะดี ก็เอาไปเสริม ณ จุดนั้นๆ เพราะฉะนั้น อาจต้องทำตี่จูเอี้ย แบบห้าธาตุด้วยหละ แต่ผมแนะนำว่า ในเมื่อท่านเป็น เทพสถิตในเมืองมนุษย์นะ เว้นไว้สักที่ที่จะไม่ทำตัวเข้าข้างตัวเองได้ไหม ไม่ทำตัวเข้าข้างตัวเองก็คือว่า ไอ้ส่วนอื่นของบ้าน ก็เสริมดวงเสริมธาตุไปตามแต่ใจต้องการ แต่ตี่จู้หรือหิ้งพระ ผมขอว่า เว้นไว้เถิด สิ่งศักดิ์สิทธิ์น่ะ เราควรทำตามธรรมเนียม มากกว่าทำตามใจเพราะธรรมเนียมมันแปลว่ากฎเกณฑ์อันเป็นดุลยภาพใครหน้าไหนมาก็ใช้ได้ไม่ชิบหายและเค้าทำกันมาตั้งนานแล้วก็ไม่ชิบหายแต่ประการใดก็รักษาไว้เถิดถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงครับ

#ตี่จูเอี้ยที่ถูกต้องจริงๆต้องแปลว่า
ส่วนที่ว่า เจ้าที่เอย ตี่จูเอี้ยเอย ที่แปลกันว่า ตี้คือ ผืนดิน (ถู่ หรือ โท่ว ต่างหาก แปลว่า ดิน มันคนละความหมาย) จู้คือ ประทับ และ เอี้ย แปลว่า ท่านบรรพบุรุษ หรือท่านเทพที่เคารพ คำว่า เอี้ย เป็นคำยกย่องของจีนส่วนนึงนะครับ เช่น ไฉ่ซิงเอี้ย คือเทพโชคลาภ ตั่วเหล่าเอี้ย คือ เจ้าพ่อเสือ ก็อารมณ์คล้ายๆกับเราเรียก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า เจ้าพ่อเจ้าแม่หนะหละ คือให้ความเคารพแต่ขอเรียกแบบ หนิดหนม หนิดหนม กันหน่อย ผมอยากบอกว่า ท่านไปแปลตี้ว่าคือ พื้นดินหนะ มันก็ถูกต้องอยู่นะ แต่ถูกไม่หมด เพราะมันแปลว่า พื้นโลก หรือ พื้นปฐพี ไม่ได้แปลว่าดิน  เพราะงั้นอย่าทึกทักว่า อ่อ แปลว่า ดิน ต้องเอาธาตุดินสิ วางก็ต้องวางติดพื้นดิน จะได้ซึมซับเอาพลังธาตุดินมาเสริมดวง ผมก็อธิบายไปแล้วว่า คนเราเจอธาตุดินเยอะ จนแทบจะอ้วกธาตุดินกันอยู่แล้ว สังเกตไหมหละ คนพวกทำงานในออฟฟิต ในตึก อยู่ในเมือง เห็นแต่ ถนน ทางด่วน กับตึก และรถติด เขาชอบไปไหนกันครับ ไม่ไปทะเล ก็ไปภูเขาไปป่า เพราะธาตุดินมันคือความ เก็บกัก และอึดอัด สร้างวัดสร้างวิหารเขาเลยใช้ดิน ไม่ใช้ไม้ แบบบ้านเรือน เพราะต้องการความเก็บกัก ความสงบ สงัด อย่างมาก เพราะงั้น ธาตุดินที่เราได้รับโดยไม่รู้ตัวมีมากมายอยู่ทุกหัวระแหงแล้ว ท่านจะต้องการมันเพื่ออะไรอีก  เท่าที่ผมดูดวงคนมานะ น้อยคนนักที่ผมจะบอกเค้าว่า ไปเสริมธาตุดิน มีแต่ว่า ธาตุดินเยอะไปๆ เอาออกบ้าง

#หินอ่อนไม่ใช่หินบำบัด แบบที่เค้าเอามาห้อยมาแขวนหรือรับพลังกัน
บางท่านว่า จัดเป็นธาตุดิน เพราะไม่ใช่โลหะ ไม่ใช่อัญมณี แต่ความเห็นส่วนตัวผมเห็นว่า จัดอยู่ในธาตุทองครับ ไม่ได้จัดอยู่ในธาตุดิน ไม่เหมือนพวกที่ท่านเอามาปูพื้น ทำบ้าน ทำอาคาร เช่น หินอ่อน หินแกรนิตก้อนใหญ่ๆ พวกนี้ผมถือว่าเป็นธาตุดินหมด เหตุผลเพราะว่า
หินบำบัดทั้งหลายแหล่ต้องมีการสกัด การเจียร มีปริมาณไม่มากไม่มายเท่าพวกหินปูพื้นเหล่านั้น
หินบำบัดโดยมากจะมีความแข็งกว่า พวกหินอ่อน หินแกรนิตทั้งหลาย แปลว่าเกิดแรงบีบอัด สะสมพลังงานที่มากกว่า
หินบำบัด หากจัดเป็นธาตุทอง แปลว่า ให้พลังทางก่อเกิดธาตุน้ำครับ คือ ธาตุน้ำจัดเป็นคลื่น พวกคลื่นเหล่านี้มีกระแสพลังต่างๆ ตามที่เค้าทดลองทดสอบพลังหินกันมา ซึ่งจริงๆทุกๆสิ่งของล้วนมีพลังหมดหละครับ แต่ว่า หินบำบัดพวกนี้เขามีพลังที่ชัดเจนมากกว่าเท่านั้นหละ คลื่นกระแสเหล่านี้มาส่งเสริมคน ดังที่ตำราบอกว่า น้ำก่อเกิดไม้ ส่งเสริมไม้ คนเราเป็นธาตุไม้ พลังจากธาตุน้ำ ที่แผ่ออกมาจากวัตถุธาตุทองย่อมส่งเสริมเรา จับหินพวกนี้ หรืออัญมณี หรือหยก ความรู้สึกแรกที่เราได้คือความเย็น

#การแก้เคล็ด และสรุปว่า ตี่จูเอี้ย แบบหินอ่อน กับ ตี่จูเอี้ย แบบไม้ อันไหนดีกว่ากัน
อย่างที่บอกไปทั้งหมดหละครับว่า มันแล้วแต่คนชอบ ของมันมีข้อดีกันคนละแบบ
เลือกหิน จัดเป็น ธาตุดิน ตาม ดวงจีน ท่านจะได้ความเย็น ความคงทน และมีพลังงานที่เก็บกักอยู่บ้าง แม้นไม่เท่าธาตุทองก็ตาม
เลือกไม้ จัดเป็น ธาตุไม้ ตามดวงจีน ท่านจะได้ความอบอุ่น ความหรูหรา ปราณีตงานศิลป์

ทีนี้ถ้าอยากให้ตี่จูเอี้ย ท่านมีหลายๆธาตุ หรือครบห้าธาตุซะ จะได้จบๆความกันไป ก็มีวิธีแก้เคล็ดอยู่ครับ
ซึ่งจริงๆ ตี่จูเอี้ยแบบเดิม เขามีอยู่แล้วนะ ดังนี้ คือ
ตี่จูเอี้ย มีการทาสีแดง หรือติดโคมไฟ หลอดไฟ มีการจุดธูปไหว้ เป็นการบ่งบอก พลังธาตุไฟ
#ตี่จูเอี้ยมีการทาสีทองหรือปิดทองตลอดจนบางแบบมีแผ่นป้าย
#ภาพวาดแผ่นโลหะทาสีเป็นการบ่งบอกพลังธาตุทอง
#ตี่จูเอี้ยมีภาพวาดของผลไม้หรือดอกไม้มงคลเป็นลวดลาย
#ประดับหรือท่านไหว้ด้วยผลไม้อาหารเป็นการบ่งบอกพลังธาตุไม้
#ตี่จูเอี้ยมีกระถางธูปเป็นการบ่งบอกพลังธาตุดิน
#ตี่จูเอี้ยมีแจกันดอกไม้หรือถวายน้ำชาเป็นการบ่งบอกพลังธาตุน้ำ

ทำแค่นี้ มันก็ครบแล้วนี่ครับ จะต้องมากังวลไปหาไปเปลี่ยน ตี่จูเอี้ย ให้เสียเงินเสียทองกันทำไม เรามีสารพัดหนทางที่จะคิดเพื่อเป็นประโยชน์กับสุขภาพจิตเราเอง แต่ก็ขอบอกอะไรไว้อย่างว่า แก้เคล็ด คือ แก้เคล็ด ท่านจะแสวงหาความเต็มใบจากการกระทำเพื่อแก้เคล็ดไม่ได้หรอก เช่น บอกว่าประตูอยู่ทิศไม่ดี หาวิธีแก้เคล็ดมาใส่ให้ร้ายหายไป ก็ไม่ได้แปลว่า คุณภาพมันจะดี เท่ากับประตูที่อยู่ทิศดีเยี่ยม นะครับ ของมันมีคะแนนลดหลั่น อย่าไปคิดว่า มีแต่ดี กับ เสีย

#และถ้าอยากแก้เคล็ดแบบง่ายสุดถูกสุดๆนะ
#สิบนิ้วประนมงามๆ พร้อมใจที่เป็นกุศลเป็นเมตตา น้อมระลึกวันทากราบไหว้นี่หละ #ต่อให้ไม่มีตัวศาลออกมาตั้ง หรือต่อให้มีแต่ #กระดาษเขียนคำว่าตี่จูเอี้ยหรือมีแต่ศาลเล็กๆ หรือไม่มีอะไรเลยนะ ก็ได้ผลเป็นมงคลอันอุดม เพียงแต่ว่า ถ้าท่านมีฐานะมีเงินมีทองหน่อย การทำนุบำรุงและจัดหาจัดให้มีเพื่ออนุรักษ์ธรรมเนียม และเป็นการแสดงความเคารพบูชาด้วยอามิสบูชาก็เป็นสิ่งอันควรไม่น้อย
#ผมพูดเพราะไม่อยากให้คนงบน้อยเค้าคิดมากเสียเงินเสียทอง แต่คนที่มี คนที่รวยๆแล้ว มาสิ เรามาเสริมให้ถึงไหนถึงกัน จะเอาเป็นวิมานแบบภาพวาดจีนก็ยังได้ ของแบบนี้มันคือ วัฒนธรรมในรูปของศิลปะ เพราะฉะนั้น ต้องเอาคำพูดท่าน อ ศิลป์ พีระศรี บอกว่า ศิลปะนั้น ยืนยาว ชีวิตนั้น สั้น แปลว่า การต่อยอดทางศิลปะมีไปไม่รู้จบหรอกครับ

สุดท้ายเวลาท่านจะเลือกอะไร ขอให้ท่านใช้ปัญญาแยกแยะว่า มันคือ หลักวิชา หรือคือ หลักการโฆษณาสินค้า กันแน่

เครดิตข้อมูล:chinese-horo.com
เครดิตภาพ:sanjeenthailandonline

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น